มะรุมช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และปกป้องตับและไต (ที่มา: หนังสือพิมพ์สุขภาพและชีวิต) |
ใบมะรุมมีกรดอะมิโน 18 ชนิด และสารต้านอนุมูลอิสระ 46 ชนิด นักวิทยาศาสตร์ได้เปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการของใบมะรุมสด (100 กรัม) กับอาหารอื่นๆ พบว่ามีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 7 เท่า แคลเซียมสูงกว่านม 4 เท่า วิตามินเอสูงกว่าแครอท 4 เท่า โปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ต 2 เท่า ธาตุเหล็กสูงกว่าผักโขม 3 เท่า เป็นต้น
ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง ปกป้องตับและไต ใบมะรุมมีวิตามินซี สังกะสี และสารออกฤทธิ์อื่นๆ จำนวนมากที่สามารถปกป้องเซลล์จากการโจมตีของอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารที่สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ สารซาโปนินจากผักชนิดนี้มีฤทธิ์ในการปกป้องเนื้อเยื่อของตับและไต
ส่วนประกอบของฟลาโวนอยด์ ไฮเปอโรไซด์ รูโตไซด์ เทอร์พีนอยด์ กรดโอเลอาโนอิก และบีซิโตสเตอรอลในใบ ล้วนมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสามารถป้องกันความเสียหายต่อหัวใจ และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาหัวใจให้แข็งแรงได้
“ยา” สำหรับผู้ป่วย HIV : มะรุมช่วยเสริมโภชนาการและยังใช้เป็นยาสำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV อีกด้วย
ดีต่อเด็กและมารดาที่ให้นมบุตร: ดร.วูกล่าวเสริมว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ถือว่าใบมะรุมสดเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิผลสำหรับมารดาที่มีน้ำนมน้อย สตรีมีครรภ์ เด็กที่ขาดสารอาหาร และเด็กหย่านมอายุ 1-3 ขวบ เด็กที่รับประทานผักชนิดนี้ 39 กรัม จะได้รับโปรตีนร้อยละ 30 แคลเซียมร้อยละ 75 และธาตุเหล็กร้อยละ 50 ที่ร่างกายต้องการ
สำหรับมารดาที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร การใช้ใบสด 100 กรัมต่อวัน ก็เพียงพอที่จะเสริมแคลเซียม วิตามินซี วิตามินเอ ธาตุเหล็ก ทองแดง แมกนีเซียม และวิตามินบีที่จำเป็นในแต่ละวัน
คุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย: สารสกัดใบมะรุมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Candida albicans และแบคทีเรียแกรม (+) และแบคทีเรียแกรม (-) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงป้องกันและต่อสู้กับเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดีต่อการย่อยอาหาร: ส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ราก เมล็ด เปลือก ผล และดอก... มีสารโมรินจินินซึ่งช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและรักษาโรคบิด ปริมาณไฟเบอร์ที่สูงในใบมะรุมช่วยขับของเสีย กระตุ้นการทำงานของลำไส้ และช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
นอกจากนี้ มะรุมยังใช้ทาภายนอกเพื่อช่วยรักษาโรคอักเสบของผิวหนังและเนื้อเยื่ออ่อนอีกด้วย
ดร.วูเตือนว่ามะรุมอาจโต้ตอบกับส่วนผสมบางชนิดในยาที่ใช้รักษาภาวะไทรอยด์ทำงานน้อย เบาหวาน และความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์
ที่มา: https://baoquocte.vn/loai-rau-nao-giau-canxi-gap-4-lan-sua-nhieu-vitamin-c-gap-7-lan-cam-310184.html
การแสดงความคิดเห็น (0)