ใน โลกนี้ พริกส่วนใหญ่ใช้เป็นเครื่องเทศ สามารถนำไปปรุงสุก ตากแห้ง หรือบดเป็นผงได้ พริกมีสารแคปไซซินอยู่มาก สารนี้ทำให้พริกมีรสชาติเผ็ดร้อนและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
เนื่องจากมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย พริกจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
เว็บไซต์สุขภาพ Healthline (สหรัฐอเมริกา) ระบุว่าพริกมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินบี 6 วิตามินเค 1 วิตามินเอ โพแทสเซียม และทองแดง นอกจากนี้ พริกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ซึ่งช่วยบำรุงสุขภาพดวงตาและป้องกันมะเร็งได้ เนื่องจากมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมายดังที่กล่าวมาข้างต้น พริกจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
การลดน้ำหนัก
มีหลักฐานบางอย่างบ่งชี้ว่าแคปไซซินอาจช่วยลดน้ำหนักโดยการลดความอยากอาหารและเพิ่มการเผาผลาญไขมัน การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการรับประทานพริกแดง 10 กรัมสามารถเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้อย่างมีนัยสำคัญทั้งในผู้ชายและผู้หญิง
แคปไซซินอาจช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคได้ การศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 24 คนที่รับประทานพริกเป็นประจำ พบว่าการรับประทานแคปไซซินก่อนอาหารช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคระหว่างมื้ออาหาร
สนับสนุนสุขภาพระบบภูมิคุ้มกัน
พริกเป็นแหล่งวิตามินเอและวิตามินซีชั้นเยี่ยม วิตามินเอช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ปกป้องและรักษาสุขภาพดวงตา วิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก และช่วยให้ผิวกระจ่างใส
ป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง
แคปไซซินในพริกได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีคุณสมบัติต้านมะเร็ง งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Anticancer Research พบว่าแคปไซซินสามารถยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งและกระตุ้นยีนยับยั้งเนื้องอก
นอกจากนี้ การศึกษาในปี 2021 พบว่าการบริโภคพริกอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ สารประกอบในพริกยังช่วยควบคุมความดันโลหิตอีกด้วย
แม้จะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ควรรับประทานพริกในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับประทานพริกก่อนนอน พิจารณารับประทานอาหารชนิดนี้หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร และหลีกเลี่ยงการให้พริกสัมผัสกับส่วนต่างๆ เช่น ตาและจมูกในระหว่างการเตรียมและแปรรูป ตามข้อมูลจาก Healthline
ลิงค์ที่มา
การแสดงความคิดเห็น (0)