การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน วารสาร The Journal of the American Geriatrics Society พบว่าผู้ที่งีบหลับ 30 ถึง 90 นาทีมีการทำงานของสมองที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หาก การงีบหลับมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้เกิดอาการอ่อนล้า ตามข้อมูลของเว็บไซต์ด้านสุขภาพ Healthline (สหรัฐอเมริกา)
แม้แต่การงีบหลับสั้นๆ ก็ส่งผลดีต่อสมองได้
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งในประเทศจีนได้วิเคราะห์ข้อมูลการงีบหลับจากกลุ่มตัวอย่างเกือบ 3,000 คนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้เข้าร่วมการวิจัยถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ไม่มีการงีบหลับ กลุ่มที่งีบหลับสั้นไม่เกิน 30 นาที กลุ่มที่งีบหลับปานกลาง 30-90 นาที และกลุ่มที่งีบหลับนานกว่า 90 นาที
ผู้ที่งีบหลับปานกลางมีผลการวัดความสนใจ ความจำ และความสามารถทางการมองเห็นเชิงพื้นที่ดีกว่า ในขณะที่ผู้ที่ไม่งีบหลับมีผลการทดสอบทางสติปัญญาแย่กว่าผู้ที่งีบหลับสั้น
นอกจากการทำงานของสมองแล้ว การงีบหลับยังมีความเชื่อมโยงอย่างน่าประหลาดใจกับปริมาตรของสมอง งานวิจัยด้านสุขภาพการนอนหลับในปี 2023 ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้คน 35,000 คน อายุระหว่าง 40 ถึง 69 ปี โดยรวบรวมข้อมูลจาก UK Biobank งานวิจัยนี้พบความเชื่อมโยงระหว่างการงีบหลับตอนกลางวันเป็นประจำกับการเพิ่มขึ้นของปริมาตรสมองโดยรวมสูงสุดถึง 15.8 ลูกบาศก์ เซนติเมตร ซึ่งปริมาตรสมองนี้เทียบเท่ากับอายุ 2.5 ถึง 6.5 ปี
อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการงีบหลับ บางคนรู้สึกสดชื่นหลังงีบหลับ แต่บางคนก็รู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียหลังงีบหลับ แม้จะนอนเพียงประมาณ 30 นาทีก็ตาม
อาการอ่อนเพลียและปวดศีรษะเป็นอาการที่พบบ่อยหากเรางีบหลับเป็นเวลาหลายชั่วโมง ในหลายกรณี การงีบหลับเพียง 5 นาทีก็เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกสดชื่นและตื่นตัวมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว การงีบหลับควรใช้เวลาประมาณ 5 ถึง 90 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอ การงีบหลับ 90 นาทีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เรื่องนี้ยังใช้ได้กับผู้ที่ร่างกายอยู่ในภาวะอ่อนเพลียอย่างมากด้วย
เพื่อให้ได้การนอนหลับที่มีคุณภาพ ผู้คนจำเป็นต้องหาสถานที่เงียบสงบ เย็นสบาย และมืด ควรกำหนดเวลาเริ่มต้นและตื่นนอนให้สม่ำเสมอทุกวันเพื่อสร้างจังหวะชีวภาพของร่างกาย นอกจากนี้ หากคุณนอนหลับเพียงพอแล้ว ไม่ควรงีบหลับนานเกินไป เพราะอาจทำให้นอนหลับยากในเวลากลางคืน ตามข้อมูลของ Healthline
ลิงค์ที่มา
การแสดงความคิดเห็น (0)