‘วิสัยทัศน์หรือมายา’ ไขปริศนาหนึ่งในประเทศที่ทรงอำนาจที่สุดในตะวันออกกลาง

วิสัยทัศน์หรือมายาภาพ – ซาอุดีอาระเบีย ณ จุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ (ผู้แต่ง: David Rundell, ผู้แปล: Hoang Minh, จัดพิมพ์โดย Omega Plus และ The Gioi Publishing House) แบ่งออกเป็น 5 ส่วน โดยแต่ละส่วนจะกล่าวถึงเสาหลักแห่งความมั่นคงในซาอุดีอาระเบีย

เดวิด รันเดลล์ นักเขียน (อาศัยอยู่ในดูไบ) ใช้เวลา 30 ปีในการทำงานในสถานที่ต่างๆ เช่น วอชิงตัน บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย ตูนิเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ เขายังใช้เวลา 16 ปีในการทำงานในซาอุดีอาระเบียเพื่อทำความเข้าใจหนึ่งในประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในตะวันออกกลาง เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของสหรัฐอเมริกาด้านซาอุดีอาระเบีย และได้รับรางวัลมากมายจากผลงานวิเคราะห์ของเขาที่เกี่ยวข้องกับ

ผ่านประสบการณ์ส่วนตัวและสิ่งที่เขา "ได้เห็นและได้ยิน" ผ่าน 5 ส่วนของหนังสือเล่มนี้ เดวิด รันเดลล์ อธิบายว่าเหตุใดประเทศนี้จึงรักษาเสถียรภาพไว้ได้เป็นเวลานาน เหตุใดเสถียรภาพนั้นจึงค่อยๆ สั่นคลอน และอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต เนื้อหาที่ผู้เขียนใช้ในหนังสือเล่มนี้ล้วนอ้างอิงจากความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของเขาเกี่ยวกับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเขาอาศัยและทำงานในฐานะ นักการทูต เป็นเวลา 16 ปี

“ก่อนที่ตระกูลอัลซาอุดจะขึ้นสู่อำนาจ ชนเผ่าต่างๆ มักต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงน้ำและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ แม้กระทั่งทุกวันนี้ สมาชิกของเผ่าชัมมาร์ก็ยังมีความขัดแย้งอย่างมากกับสมาชิกของเผ่าชาห์รานี และความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าก็ยังคงนำไปสู่การสูญเสียชีวิตได้ ดังเช่นที่เกิดขึ้นในการประกวดความงามอูฐในปี 2018 ซึ่งเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งเดือน ณ ชานเมืองริยาด ที่ดึงดูดอูฐหลายพันตัว” เดวิด รันเดลล์ ผู้เขียนเขียนไว้

หนังสือเล่มนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “กษัตริย์อับดุลอาซิสทรงปกครองเป็นเวลา 51 ปี และทรงเห็นอาณาจักรของพระองค์เปลี่ยนแปลงจากดินแดนทะเลทรายอันห่างไกลและโดดเดี่ยว สู่การเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ อย่างไรก็ตาม พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างสถาบันการปกครองที่ยั่งยืน โดยทรงพึ่งพาพระองค์เองเพียงผู้เดียว อำนาจของพระองค์เป็นเรื่องส่วนพระองค์ โดยขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับผู้นำชนเผ่า ศาสนา และพ่อค้า แม้ว่าพระองค์จะทรงเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งโดยตรง แต่พระองค์ก็ทรงทิ้งครอบครัวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและการแข่งขันภายในไว้เบื้องหลัง...”

เดวิด รันเดลล์ ผู้เขียน ระบุว่า "กษัตริย์อับดุลเลาะห์สิ้นพระชนม์ด้วยโรคปอดบวมในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 23 มกราคม 2558 ตามมาตรฐานของซาอุดีอาระเบียสายอนุรักษ์นิยม พระองค์ได้รับการยกย่องว่าทรงเป็นนักปฏิรูป ทรงทิ้งคลังสมบัติอันมหาศาลของชาติ และมรดกอันมั่นคงด้านการพัฒนา เศรษฐกิจ นวัตกรรมทางสังคม และความมั่นคง พระองค์ทรงเพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัยในซาอุดีอาระเบียเป็นสองเท่า ส่งนักศึกษาหลายพันคนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ และก่อตั้งมหาวิทยาลัยของพระองค์เองโดยหวังว่าจะพัฒนาให้กลายเป็นสถาบันวิจัยระดับโลก ภายใต้การปกครองของพระองค์ ซาอุดีอาระเบียซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสูงกว่าอียิปต์ถึงสองเท่า และมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเป็นรองเพียงจีนและญี่ปุ่น ได้กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจชั้นนำของโลก... แต่ประเทศนี้ยังคงมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมจากส่วนอื่นๆ ของโลก และยังคงพึ่งพาเศรษฐกิจจากสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดเดียว ซึ่งมูลค่าของสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ผันผวนอย่างมาก..."