เมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เฟอร์ดินานด์ อาร์. มาร์กอส จูเนียร์ ได้ออกพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 62 ซึ่งจะลดภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการ สำหรับข้าว ภาษีนำเข้าจะลดลงจากร้อยละ 35 เหลือร้อยละ 15 มีผลจนถึงปี 2571
ถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของรัฐบาลฟิลิปปินส์เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดตั้งแต่ต้นปี

ราคาขายปลีกผลิตภัณฑ์ข้าวบางชนิดในประเทศฟิลิปปินส์ เดือนกันยายน พ.ศ. 2565 (ราคาขายปลีกในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นเป็น 54 - 60 เปโซ/กก.)
ทั้งนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ในไตรมาส 1 ปี 2567 ค่อนข้างมีเสถียรภาพ ยกเว้นการปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นบางรายการ โดยเฉพาะข้าว ซึ่งในไตรมาส 1 ปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 24.4% ซึ่งราคาข้าวคิดเป็นประมาณร้อยละ 9 ของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของประเทศฟิลิปปินส์
ดังนั้น วันที่ใช้บังคับของพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 62 คือ 30 วัน นับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (20 มิถุนายน 2567) สำหรับภาษีนำเข้าข้าว มีระยะเวลาบังคับใช้ 15 วันหลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น คาดว่าจะถึงเวลาที่ต้องปรับใช้ภาษีนำเข้าข้าวอัตราใหม่ของฟิลิปปินส์ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567
สำนักงานการค้าเวียดนามในฟิลิปปินส์เชื่อว่าการลดภาษีนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์จะทำให้เกิดเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยมากขึ้นและเพิ่มโอกาสให้กับข้าวเวียดนามในตลาดฟิลิปปินส์
โดยเฉพาะข้อมูลจากสำนักงานอุตสาหกรรมพืช กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ ระบุว่า ในปี 2567 คาดว่าปริมาณนำเข้าข้าวทั้งหมดของฟิลิปปินส์จะสูงถึงประมาณ 4 ล้านตัน ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 การนำเข้าข้าวของฟิลิปปินส์เกือบ 2 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 20.3% เมื่อเทียบกับช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 ที่นำเข้า 1.64 ล้านตัน
โดยเวียดนามยังคงเป็นคู่ค้าผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 23 พฤษภาคม 2567 การส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังฟิลิปปินส์อยู่ที่ 1.44 ล้านตัน คิดเป็น 72.9% ของการนำเข้าข้าวทั้งหมดของฟิลิปปินส์ ไทยอยู่อันดับสองโดย 300,227 ตัน รองลงมาคือปากีสถาน 144,834 ตัน และเมียนมาร์ 65,080 ตัน ส่วนที่เหลือนำเข้าจากอินเดีย จีน ญี่ปุ่น กัมพูชา อิตาลี และสเปน
แหล่งที่มา
การแสดงความคิดเห็น (0)