ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดฟู้เถาะได้เสนอให้กำหนดมาตรฐานสมรรถภาพทางกายในมาตรา 1 ภาคผนวก 1 ของหนังสือเวียนฉบับที่ 105 ของ กระทรวงกลาโหม โดยกำหนดให้พลเมืองต้องผ่านเกณฑ์เกณฑ์การรับราชการทหารเมื่อมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 18.5 ถึง 29.9 ส่งผลให้พลเมืองจำนวนมากมีสุขภาพแข็งแรงแต่ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด จึงไม่สามารถเกณฑ์เข้ารับราชการทหารได้
กระทรวงกลาโหม เผยเหตุผลใช้ดัชนีมวลกาย 18-29.9 ในการสอบเข้ารับราชการ ทหาร
ภาพโดย: นัต ถินห์
ผู้มีสิทธิออกเสียงขอให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาศึกษาวิจัยและแก้ไขเพื่อให้ประชาชนสามารถสอบรับราชการทหารได้อย่างสะดวกในปัจจุบัน
กระทรวงกลาโหมได้แสดงความคิดเห็นต่อประชาชนว่า ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นดัชนีน้ำหนักตัว หรือดัชนีมวลกายที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน เนื่องจากมีวิธีการคำนวณที่ง่าย ทำให้สามารถตรวจพบผู้ที่มีภาวะผอม ขาดสารอาหาร น้ำหนักเกิน หรืออ้วน ในระดับความรุนแรงต่างๆ ได้ง่าย ยิ่งดัชนีมวลกายสูง แสดงว่าร่างกายมีไขมันสะสมมาก ในทางกลับกัน ยิ่งดัชนีมวลกายต่ำ ร่างกายก็จะยิ่งผอมลง
การนำดัชนี BMI มาใช้ในการประเมินและจำแนกประเภทสุขภาพทำให้ได้ผลลัพธ์ ที่เป็นวิทยาศาสตร์ และเป็นกลางมากกว่าการใช้ดัชนีส่วนสูงและน้ำหนักแยกกัน และหลายประเทศทั่วโลกยังใช้เป็นมาตรฐานสุขภาพในการคัดเลือกพลเมืองเข้ารับราชการทหารอีกด้วย
ตามที่กระทรวงกลาโหม ระบุว่า ก่อนเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 จะมีการบังคับใช้มาตรฐานสุขภาพสำหรับพลเมืองที่จะเข้ารับราชการทหาร ตามหนังสือเวียนของกระทรวงกลาโหม 2 ฉบับ คือ หนังสือเวียนที่ 105 และหนังสือเวียนที่ 148
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือเวียนที่ 105 ระบุมาตรฐานสุขภาพทั่วไป และกำหนดวิธีการให้คะแนนความแข็งแรงทางร่างกาย โรค และการจำแนกประเภทสุขภาพสำหรับกรณีพลเมืองที่เข้ารับราชการทหาร (การคัดเลือกเข้ารับราชการทหาร การขึ้นทะเบียนทหาร การเกณฑ์ทหาร) หนังสือเวียนที่ 148 เสริมกฎระเบียบเกี่ยวกับมาตรฐานสุขภาพเฉพาะสำหรับพลเมืองที่เข้ารับราชการทหาร
ในระหว่างการบังคับใช้หนังสือเวียนที่ 105 เรื่อง การคัดเลือกพลเมืองเข้ารับราชการทหาร หน่วยงานต่างๆ พบว่ากำลังกาย (ส่วนสูง น้ำหนัก ดัชนีมวลกาย) ของทหารใหม่มีความสม่ำเสมอมากกว่าในปีก่อนๆ
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานบางแห่งได้เสนอแนะให้กระทรวงกลาโหมศึกษาและพิจารณาการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสุขภาพสำหรับการรับราชการทหารสำหรับพลเมืองที่มีรูปร่างสูง ผอม และมีสุขภาพดี
ดังนั้น เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๘ กระทรวงกลาโหม จึงมอบหมายให้กรมกำลังพลและเทคโนโลยี สั่งการกรมแพทย์ทหาร ประสานงานกับหน่วยงานวิจัย ให้คำปรึกษา และเสนอแนะการปรับปรุงมาตรฐานสุขภาพดัชนีมวลกาย (BMI) ในการเรียกพลทหารเข้ารับราชการทหาร
กรมแพทย์ทหารได้สำรวจความคิดเห็นจากกองทัพบกทั้งหมด และได้รับความคิดเห็นจากหน่วยงานและหน่วยงานต่างๆ รวม 102 รายการ ได้แก่ หน่วยงานหลัก 19 หน่วยในสังกัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทหารบกระดับจังหวัด 62 แห่ง และโรงพยาบาลทหารบก 21 แห่ง ผลการสำรวจโดยรวมพบว่าหน่วยงานและหน่วยงานต่างๆ เสนอให้ปรับดัชนีดัชนีมวลกาย (BMI) ในการเรียกพลทหาร ดังนี้ 16.0 - 29.9 คิดเป็น 1.96% (2/102); 16.5 - 29.9 คิดเป็น 3.92% (4/102); 17.0 - 29.9 คิดเป็น 38.23% (39/102); 17.5 - 29.9 คิดเป็น 55.88% (57/102); 18 - 29.9 คิดเป็น 64.70% (66/102)
กระทรวงกลาโหมไม่เรียกผู้ที่มีสายตาสั้นเกิน 1.5 ไดออปเตอร์เข้ารับราชการทหาร
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 กระทรวงกลาโหมได้ออกหนังสือเวียนฉบับที่ 68 แก้ไขและเพิ่มเติมบทบัญญัติหลายมาตราในหนังสือเวียนฉบับที่ 148 ซึ่งควบคุมการคัดเลือกและการเรียกตัวพลเมืองเข้ารับราชการทหาร โดยดัชนีมวลกาย (BMI) ที่เป็นไปตามมาตรฐานสุขภาพสำหรับการรับราชการทหารได้รับการแก้ไขให้อยู่ระหว่าง 18.0 - 29.9
ที่มา: https://thanhnien.vn/bo-quoc-phong-giai-thich-ly-do-dung-chi-so-bmi-18-299-kham-nghia-vu-quan-su-18525080913333943.htm
การแสดงความคิดเห็น (0)