วันนี้ (1 ต.ค.) การพิจารณาคดีจำเลย Truong My Lan และผู้สมรู้ร่วมคิด ยังคงดำเนินต่อไป โดยทนายความซักถามทรัพย์สินที่ยึดได้ของจำเลย
เนื่องจากก่อนหน้านี้ นางสาวหลาน ต้องการนำกระเป๋า Hermes เผือกทั้ง 2 ใบกลับคืน แต่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ นางต้องการที่จะนำกระเป๋าทั้ง 2 ใบนี้ไปประมูล ทนายความของเธอจึงต้องการชี้แจงว่าจำเลยต้องการนำกระเป๋าทั้ง 2 ใบกลับคืนหรือจะนำไปประมูล?
นางสาวลานตอบสนองต่อคำร้องขอของทนายความว่าเธอไม่อยากจะประมูลกระเป๋าทั้ง 2 ใบนี้อีกต่อไป และแม้ว่าเธอจะมีเงิน เธอก็ซื้อมันไม่ได้
“จำเลยได้กระเป๋าสองใบนี้มาเพราะชื่อบริษัท Truong My Lan และ Chu Lap Co. กระเป๋าทั้งสองใบนี้เป็นของที่ระลึก ฉันขอให้คณะลูกขุนอนุญาตให้ฉันนำกลับคืนมา จำเลยคิดว่าถ้าฉันนำไปประมูลก็คงใช้เวลานาน ฉันคงต้องบอกลูกๆ หลานๆ ของฉันให้ไปต่างประเทศเพื่อหาเงินมาไถ่ถอน ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้ ใครจะไปกล้าซื้อกระเป๋าสองใบนั้นกลับคืนมา” นางสาวลานกล่าว
สืบเนื่องจากกรณีบุคคลลึกลับในสหรัฐฯ ต้องการชำระหนี้จำนวน 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ไม่รวมดอกเบี้ย) ที่นางสาวลาน กู้ยืมจากสถาบันการเงินต่างประเทศหลายแห่งตอนซื้ออาคารรัฐสภาที่ 29 เลียวเจีย (ฮานอย) และต้องการกู้ยืมเงินเพิ่มเติมอีก 130 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้แก่นางสาวลาน เพื่อชดเชยเงินให้ผู้เสียหาย จำเลยลาน กล่าวว่า หากทำได้ก็จะดีมาก
“ถ้าฉันมีเพื่อนแบบนี้ก็คงจะดีไม่น้อยเลย ดังนั้นจำเลยจึงบอกกับทนาย Huyen Trang ว่าเพื่อนคนนั้นควรมาพบฉัน” นาง Lan อธิบาย
นอกจากนี้ นางสาวลาน ยังกล่าวอีกว่า “จำเลยมีเพื่อนแบบนี้หลายคน ในเฟสแรกมีกลุ่มมหาเศรษฐีระดับโลกกลุ่มหนึ่งต้องการเข้าเทคโอเวอร์ธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อรับผิดชอบเงินจำนวนที่จำเลยถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ โดยพวกเขาเหล่านั้นยินดีทำโครงการทั้งหมดที่จำเลยเสนอมา มีคนถามจำเลยว่าต้องใช้เงินเท่าไรจึงจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ ตอนนั้นจำเลยแปลกใจมาก”
เพื่อตอบสนองต่อคำขอของทนายความ Phan Trung Hoai ให้ยืนยันและชี้แจงแหล่งที่มาหลักของเงินทุนที่ใช้ในการเยียวยาผลที่ตามมาจากคดีนี้ นางสาว Lan แสดงความปรารถนาที่จะใช้เงินทุนที่มีลำดับความสำคัญเพื่อเยียวยาผลที่ตามมาจากผู้ซื้อพันธบัตร ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนในการกู้คืน จำเลยตกลงที่จะนำทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัดทั้ง 2 ระยะ และเงินทั้งหมดไปใช้ในการเรียกเก็บหนี้ขององค์กรและบุคคลที่มีต่อจำเลย
นางสาวลานประมาณจำนวนเงินนี้ไว้อยู่ที่ประมาณ 21,000 พันล้านดอง (หักเงิน 1,500 พันล้านดองที่จ่ายไปเพื่อแก้ไขเฟสที่ 1 ออกไป) นางหลาน กล่าวว่าเงินทั้งหมดเป็นเงินสดที่คนที่เป็นหนี้เธอนำมาชำระที่ศาล ส่วนจะให้ความสำคัญในการใช้เงินอย่างไรนั้น คณะกรรมการจะเป็นผู้กำหนด
นางลาน ยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลประชาชนให้บังคับให้ธนาคาร SCB ส่งคืนโครงการ 6A Binh Chanh และทรัพย์สินอื่นๆ อีก 65 รายการที่ธนาคาร SCB ถืออยู่ ตามที่นางสาวลาน กล่าว โครงการ 6A เป็น 1 ใน 5 สินทรัพย์ที่ใช้ในการปรับโครงสร้างของธนาคาร SCB นับตั้งแต่มีการควบรวมกิจการ ต่อมาเนื่องจากมีแหล่งเงินอื่นจึงชำระหนี้ SCB เต็มจำนวนจนไม่มีหนี้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ยังคงถือหนังสือปกแดงของโครงการไว้
ทนายความกล่าวว่าปัจจุบัน บริษัท Hoang Quan ประเมินมูลค่าโครงการ 6A ไว้ที่ 16,540 พันล้านดอง และนาง Lan เห็นด้วยกับการประเมินมูลค่านี้ และต้องการให้โครงการนี้ชดเชยให้กับประชาชน
“จำเลยยังต้องการส่งข้อความถึงธนาคาร SCB ว่าพันธบัตรที่ธนาคาร SCB ใช้ จำเลยไม่ได้ใช้ ดังนั้น เขาจึงต้องการให้ธนาคาร SCB คืนโครงการ 6A และทรัพย์สินอื่นๆ อีก 65 รายการ จำเลยไม่ได้ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่ใช้เพื่อคืนให้กับประชาชน” นางลาน กล่าว
จำเลย Truong My Lan เรียกร้องเงิน 1,000 พันล้านดองจากเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Thu Thiem
นางสาวจวงมีหลาน ต้องการขายหุ้นจำนวนหนึ่งเพื่อหาเงินมาบรรเทาผลกระทบ
นางสาว Truong My Lan ได้ใช้ 'โครงการสุดยอด' เพื่อแก้ไขผลที่ตามมา แต่กลับขอคืนกระเป๋า Hermes 2 ใบ
ที่มา: https://vietnamnet.vn/bi-cao-truong-my-lan-muon-nho-con-chau-chuoc-2-chiec-hermes-bach-tang-2327686.html
การแสดงความคิดเห็น (0)