การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 กันยายนนี้ จะมีการหารือกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิผลของสถาบันในกลุ่ม (ที่มา: สำนักเลขาธิการอาเซียน) |
นายสิธารโต ซูรโยดิปูโร ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความร่วมมืออาเซียน กระทรวง การต่างประเทศ อินโดนีเซีย กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมว่า จาการ์ตาตั้งเป้าที่จะวางรากฐานความร่วมมืออาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต
“เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เราจำเป็นต้องเสริมสร้างสถาบันและกลไกการดำเนินงานของอาเซียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวกล่าว และเสริมว่า จำเป็นต้องเสริมสร้างบางด้าน เช่น ทรัพยากรบุคคลในประชาคมอาเซียน การเจรจาด้าน สิทธิมนุษยชน ตลอดจนความร่วมมือทางทะเลระหว่างประเทศสมาชิก
อินโดนีเซียได้ริเริ่มการหารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างสถาบันอาเซียนในปี 2565 โดยอาศัยคำแนะนำของคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนหลังปี 2568 (HLTF-ACV) เกี่ยวกับการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิผลของสถาบันของอาเซียน
ผู้นำอาเซียนยังได้หารือประเด็นนี้กับ HLTF-ACV ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 42 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ณ เมืองลาบวนบาโจ จังหวัดนูซาเต็งการาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย
ในการประชุมดังกล่าว ผู้นำได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างศักยภาพและประสิทธิภาพของสถาบันอาเซียน รวมถึงการสร้างเงื่อนไขให้อาเซียนสามารถตอบสนองต่อวิกฤตและสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 43 ณ กรุงจาการ์ตา ไม่เพียงแต่จะดึงดูดผู้นำอาเซียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพันธมิตรภายนอก เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอินเดีย นายซูรโยดิปุโร ระบุว่า อินโดนีเซียคาดว่าจะต้อนรับผู้นำ โลก และองค์กรระหว่างประเทศ 27 แห่ง ซึ่งรวมถึงผู้นำประเทศสมาชิกการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) 18 ประเทศ นายกรัฐมนตรีแคนาดา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (WB)
ตามแผนดังกล่าว ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย จะเป็นประธาน EAS ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 18 ประเทศ รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา
แหล่งที่มา
การแสดงความคิดเห็น (0)