การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมภาษี: การสร้างความก้าวหน้าจากนโยบายสู่การปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 กรมการเมือง (Politburo) ได้ออกมติที่ 57-NQ/TW ว่าด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลระดับชาติ มติดังกล่าวระบุว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญที่สุด และเป็นแรงผลักดันหลักในการพัฒนากำลังผลิตที่ทันสมัย ปรับปรุงความสัมพันธ์ในการผลิต พัฒนาวิธีการกำกับดูแลประเทศ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ป้องกันความเสี่ยงจากการล้าหลัง และนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่รวดเร็วและยั่งยืนในยุคใหม่
โดยระบุด้วยว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 นายกรัฐมนตรี ได้ออกคำสั่งที่ 07/CT-TTg เพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการ 06 เกี่ยวกับการพัฒนาแอปพลิเคชันข้อมูลประชากร การระบุและยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลระดับชาติในช่วงปี 2565-2568 โดยมีวิสัยทัศน์ถึงปี 2573 นับเป็นก้าวสำคัญในการช่วยประสานข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่การบริหารจัดการของรัฐ ประชาชน และภาคธุรกิจ
จากการดำเนินแนวทางข้างต้น กระทรวงการคลัง และกรมสรรพากรได้ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางกฎหมาย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และให้บริการภาษีอิเล็กทรอนิกส์แบบรวมศูนย์และบูรณาการ ด้วยปณิธานที่จะยึดผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลางการให้บริการ ภาคภาษีได้ดำเนินงานสำคัญหลายประการด้วยผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งได้รับการยอมรับจากรัฐบาล สังคม ภาคธุรกิจ และประชาชน
ตามที่กรมเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และระบบอัตโนมัติ - กรมสรรพากร (กระทรวงการคลัง) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปี 2568 ได้มีการออกเอกสารและมติชุดหนึ่งเพื่อระบุภารกิจต่างๆ ได้แก่ แผนปฏิบัติการของกรมสรรพากรเพื่อนำมติ 57-NQ/TW และมติ 03/NQ-CP ของรัฐบาลไปปฏิบัติ ประกาศการมอบหมายงานตามคำสั่ง 07/CT-TTg จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการและกลุ่มทำงานเพื่อนำมติ 57-NQ/TW และโครงการ 06 ไปปฏิบัติ
กรมสรรพากรได้ปรับปรุงระบบไอทีและนำใบแจ้งหนี้และเอกสารอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ตามพระราชกฤษฎีกา 70/2025/ND-CP ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ระบบจะรับข้อมูลใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ทั้งแบบมีรหัสและไม่มีรหัส ใบแจ้งหนี้ที่สร้างจากเครื่องบันทึกเงินสด และใบแจ้งหนี้ประเภทอื่นๆ อีกมากมายตามระเบียบข้อบังคับ ขณะเดียวกันก็จะรับข้อมูลจากหน่วยงานขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร ไฟฟ้า น้ำมัน ฯลฯ และป้องกันการยกเลิกใบแจ้งหนี้
กรมสรรพากรได้ดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนครัวเรือนและธุรกิจรายบุคคลในการประยุกต์ใช้ใบแจ้งหนี้ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างจากเครื่องบันทึกเงินสด
จนถึงปัจจุบัน มีองค์กรต่างๆ มากมายที่ให้บริการประสานงานกับโปรแกรมจูงใจต่างๆ มากมาย เช่น ราคาเริ่มต้นเพียง 100,000 ดอง/เดือน ซอฟต์แวร์ขายฟรี แพ็คเกจใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ฟรีสูงสุด 5,000 แผ่น และคำปรึกษาการยื่นภาษีฟรี
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังได้ออกระเบียบเกี่ยวกับองค์ประกอบข้อมูลของใบแจ้งหนี้ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และวิธีการส่งและรับกับหน่วยงานสรรพากรตามพระราชกฤษฎีกา 70/2025/ND-CP
ภาคภาษีได้ปรับปรุงขั้นตอนการบริหาร 134/219 รายการให้เป็นบริการสาธารณะออนไลน์บางส่วนหรือทั้งหมด จากขั้นตอนที่เหลือ 85 รายการ มี 80 รายการที่ได้รับการยกระดับเป็นบริการเต็มรูปแบบ 1 รายการได้รับการยกระดับเป็นบริการบางส่วน และ 4 รายการยังคงรักษาระดับการให้บริการข้อมูลไว้เท่าเดิม
กรมสรรพากรได้บูรณาการบริการชำระเงินออนไลน์สำหรับภาระผูกพันทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับภาษีและค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนไว้บนระบบบริการสาธารณะแห่งชาติ (National Public Service Portal) ขณะเดียวกัน ระบบไอทีก็ได้รับการพัฒนาให้สามารถรับ ประมวลผล และส่งคืนผลการดำเนินการทางปกครองได้แบบเบ็ดเสร็จในที่เดียว
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป กรมสรรพากรจะเริ่มใช้รหัสประจำตัวประชาชนแทนรหัสภาษีตามหนังสือเวียนที่ 86/2024/TT-BTC ระบบ TMS, eTax, iCanhan และ iTax Viewer ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย กรมสรรพากรได้ประสานงานกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลรหัสภาษีกับข้อมูลประชากร ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2568 อัตราการจับคู่ข้อมูลอยู่ที่ 95%
กรมสรรพากรจัดทำแบบจำลองการเชื่อมต่อและการซิงโครไนซ์กับฐานข้อมูลประชากรแห่งชาติตามพระราชกฤษฎีกา 70/2024/ND-CP และกฎหมายว่าด้วยการระบุตัวตน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป จะมีการปรับใช้ระบบการระบุตัวตนและการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับบุคคลและองค์กร
สำหรับบุคคลทั่วไป สามารถใช้บัญชี VNeID เพื่อเข้าสู่ระบบ eTax Mobile, iCanhan และใช้บริการภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันมีผู้เข้าสู่ระบบ VNeID มากกว่า 22 ล้านคน
สำหรับองค์กร ภายในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ธุรกิจ 885 แห่งจากทั้งหมด 1 ล้านแห่งจะเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีระบุตัวตนขององค์กร โดยมีรหัสระบุตัวตนที่ออกให้ 142,983 รหัส
กรมสรรพากรได้ประสานงานกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะเพื่อนำข้อมูลไบโอเมตริกส์มาใช้งานบน eTax Mobile บูรณาการข้อมูลภาษีบนแอปพลิเคชัน VNeID เพื่อรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลและการตรวจสอบความถูกต้องที่แม่นยำ
ภายในสิ้นปีนี้ ภาคภาษีมีแผนที่จะพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลอย่างต่อเนื่องตามมติ 57-NQ/TW และโครงการ 06 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านไอทีอย่างต่อเนื่องสำหรับใบแจ้งหนี้และเอกสารต่างๆ ประสานงานกับองค์กรที่ให้บริการสนับสนุนแก่ครัวเรือนและบุคคลที่ประกอบธุรกิจ เพื่อนำใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์จากเครื่องบันทึกเงินสดมาใช้ ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและลดขั้นตอนการบริหารงาน ปรับใช้ระบบพอร์ทัลบริการสาธารณะแห่งชาติและศูนย์ข้อมูลแห่งชาติ ลดภาระงานเอกสารด้วยการผสานรวมข้อมูล VNeID ประสานงานกับกระทรวงความมั่นคงสาธารณะเพื่อเชื่อมต่อและแบ่งปันข้อมูลกับฐานข้อมูลประชากรแห่งชาติ ขยายระบบข้อมูลไบโอเมตริกซ์บน eTax Mobile เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
คุณมินห์
ที่มา: https://baochinhphu.vn/chuyen-doi-so-nganh-thue-tao-dot-pha-tu-chinh-sach-den-hanh-dong-102250825173812661.htm
การแสดงความคิดเห็น (0)