ทองคำบริสุทธิ์คืออะไร?
ทองคำบริสุทธิ์มักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าทองคำบริสุทธิ์ เนื่องมาจากมีปริมาณทองคำภายในสูงถึง 99.99% ส่วนอีก 0.01% เป็นสิ่งเจือปนอื่นๆ ทองคำบริสุทธิ์ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องมาจากมีคุณสมบัตินำความร้อนและไฟฟ้าได้ดี นอกจากนี้ ทองคำบริสุทธิ์ยังสามารถนำไปแปรรูปทำเครื่องประดับระดับไฮเอนด์ได้อีกด้วย
ทองคำบริสุทธิ์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทองคำบริสุทธิ์ (ภาพ: Cuu Long Jewelry)
ทองคำในท้องตลาดมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ ทองคำ 10K ทองคำ 14K ทองคำ 18K และทองคำ 24K
- ทองคำ 24K หรือที่เรียกกันว่าทองคำบริสุทธิ์ ถือเป็นทองคำที่ดีที่สุด โดยจะมีสิ่งเจือปนผสมอยู่ภายในเพียงประมาณ 0.01% เท่านั้น ทอง 24K โดยทั่วไปจะถูกหล่อเป็นแท่งหรือแบนเป็นชิ้น ๆ เพื่อการจัดเก็บ
- ทองคำ 18K มีส่วนผสมทองคำอยู่ 75% ส่วนที่เหลือจะผสมกับโลหะอื่นๆ เช่น ทองแดง อลูมิเนียม หรือเงิน ทอง 18K ส่วนใหญ่ใช้ในการแปรรูปในโรงงานทำเครื่องประดับ
- ทอง 14K จะมีปริมาณทองอยู่ 58.3% สีอาจจะไม่สดใสเท่าทอง 18K และทอง 24K แต่ยังคงนำมาใช้ทำสร้อยคอ แหวน กำไลข้อมือ...
ทองคำ 10K มีอัตราส่วนทองคำบริสุทธิ์เพียงแค่ 41% เท่านั้น โดยเป็นส่วนผสมของโลหะผสมเป็นหลัก ทอง 10K มีความแข็งและทนทานกว่าทองประเภทอื่น แต่หลังจากใช้งานไประยะหนึ่ง ทองจะเริ่มหมองลงอันเนื่องมาจากการออกซิเดชันของโลหะในทอง
ทองคำขาว คืออะไร?
ทองคำขาวไม่ใช่โลหะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมนุษย์ไม่สามารถขุดได้เหมือนทองคำบริสุทธิ์ ความจริงแล้วทองคำขาวคือโลหะผสมที่เกิดขึ้นจากการผสมทองคำกับโลหะหลายชนิด โดยทองคำมีสัดส่วนประมาณ 58.3% (ทอง 14k) ถึง 75% (ทอง 18k) ส่วนที่เหลือเป็นโลหะมีค่าอื่นๆ เช่น พาลาเดียม คิเคน แพลตตินัม นิกเกิล เงิน...
เปอร์เซ็นต์ของโลหะแต่ละชนิดจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสูตรและกระบวนการผลิต ทองคำขาวนำมาใช้ทำเครื่องประดับเพราะมีราคาถูกกว่าและสามารถนำมาทำเครื่องประดับสวยๆ ที่มีดีไซน์หลากหลายได้อย่างง่ายดาย
ทองคำขาวเป็นโลหะที่พบได้ตามธรรมชาติ (ภาพประกอบ)
ทองคำขาวหรือทองคำบริสุทธิ์ ราคาแพงกว่า?
ทองคำบริสุทธิ์จะมีปริมาณทองคำมากกว่าทองคำขาวมาก ดังนั้นราคาในการซื้อทองคำบริสุทธิ์จึงมีราคาแพงกว่าทองคำขาวแน่นอน นอกจากนี้ราคาที่แตกต่างกันของทองทั้ง 2 ประเภทนี้ก็ยังแตกต่างกันขึ้นอยู่กับยี่ห้อด้วย
ความทนทานของทองคำขาวได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก สีสวยงาม แต่ราคาถูกกว่าทองคำบริสุทธิ์มาก
ทองคำมีข้อดีคือมีความทนทานและมีมูลค่าคงที่ จึงนำมาใช้เป็นสินทรัพย์ในการเก็บรักษาและแลกเปลี่ยน ในขณะเดียวกันความทนทานของทองคำขาวก็สูงมากเช่นกัน จึงนิยมนำมาใช้ทำเครื่องประดับ ทองคำขาวมีราคาถูกกว่าและเข้าถึงได้สำหรับคนจำนวนมาก
ดังนั้นหากคุณกำลังพิจารณาซื้อทองคำบริสุทธิ์หรือทองคำขาว ควรพิจารณาถึงความต้องการด้วย หากต้องการซื้อเป็นสินทรัพย์เพื่อสะสมมูลค่าที่มั่นคง ให้เลือกทองคำบริสุทธิ์ หากต้องการซื้อเครื่องประดับสวยๆ ราคาสมเหตุสมผล แต่ยังมีคุณค่า ควรเลือกทองคำขาว
ลาเกอร์สโตรเมีย (การสังเคราะห์)
แหล่งที่มา
การแสดงความคิดเห็น (0)