พระราชกฤษฎีกากำหนดระเบียบและนโยบายสำหรับเจ้าหน้าที่ที่สิ้นสุดการรับราชการประจำการ เจ้าหน้าที่ประจำการที่เสียสละหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ประจำการที่โอนไปเป็นทหารอาชีพหรือข้าราชการพลเรือนด้านการป้องกันประเทศ

ภายใต้กฎระเบียบใหม่ เจ้าหน้าที่ที่เปลี่ยนอาชีพและได้รับการคัดเลือกให้ทำงานในหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานบริการสาธารณะ องค์กร ทางการเมือง และองค์กรทางสังคม-การเมืองที่ได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์หลายประการ

กล่าวคือ จะได้รับความสำคัญในการจัดหางานที่เหมาะสมกับสาขาวิชาชีพ เทคนิค และอาชีวศึกษา จะได้รับการฝึกอบรมและส่งเสริมทักษะวิชาชีพและเทคนิคที่จำเป็นให้เหมาะสมกับงานที่ได้รับมอบหมาย จะได้รับการยกเว้นการสอบเข้าหากโอนย้ายไปยังหน่วยงานหรือหน่วยงานเดิม หรือโอนย้ายไปยังสาขาเดิมตามคำขอของหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ จะได้รับความสำคัญในการเพิ่มคะแนนในผลการสอบคัดเลือกข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนายทหาร ข้าราชการ และลูกจ้างของรัฐ ณ เวลาที่สอบเข้า

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะได้รับยศและเงินเดือนตามตำแหน่งงานใหม่ งานใหม่ และตำแหน่งใหม่ ตั้งแต่วันที่มีผลใช้บังคับของการตัดสินใจโอนย้าย ในกรณีที่เงินเดือนตามกลุ่ม ระดับ หรือระดับต่ำกว่าเงินเดือนตามยศทหารของเจ้าหน้าที่ ณ เวลาที่โอนย้าย เงินเดือน เงินช่วยเหลืออาวุโส เงินสมทบประกันสังคม และสวัสดิการ ณ เวลาที่โอนย้ายจะถูกกันไว้เป็นเวลา 18 เดือน นับจากวันที่มีผลใช้บังคับของการตัดสินใจโอนย้าย และจะได้รับเงินจากหน่วยงานหรือหน่วยงานใหม่

W-50 ปีแห่งการหลอมรวม GPMN_2595.jpg
เจ้าหน้าที่ทหารฝึกซ้อมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันครบรอบ 50 ปีการรวมชาติ ภาพโดย: Pham Hai

สำหรับข้าราชการที่เปลี่ยนอาชีพและมีสิทธิได้รับเงินบำนาญ หากเงินเดือนเฉลี่ยรายเดือนสำหรับเงินประกันสังคมที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม ณ เวลาเกษียณอายุ ต่ำกว่าเงินเดือนเฉลี่ยรายเดือนสำหรับเงินประกันสังคม ณ เวลาเปลี่ยนอาชีพ ให้ใช้เงินเดือนเฉลี่ยรายเดือนสำหรับเงินประกันสังคม ณ เวลาเปลี่ยนอาชีพ ซึ่งคำนวณตามระบบเงินเดือนที่กำหนดไว้ ณ เวลาเกษียณอายุ เป็นฐานในการคำนวณเงินบำนาญ

สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เปลี่ยนสายงาน หากไม่ได้รับเงินบำนาญและลาออกจากงาน นอกจากจะได้รับสวัสดิการประกันสังคมตามระเบียบแล้ว จะได้รับเงินชดเชยเลิกจ้างจากหน่วยงานหรือหน่วยงานที่ได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดินที่บริหารจัดการและจ้างงานเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และลูกจ้างของรัฐ ณ เวลาเลิกจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแต่ละปีที่รับราชการในกองทัพบก จะได้รับเงินอุดหนุน 1 เดือนของเงินเดือนของเดือนก่อนหน้าการเปลี่ยนสายงาน โดยจะคำนวณตามระบบเงินเดือนที่กำหนดไว้ ณ เวลาเลิกจ้าง เพื่อเป็นฐานในการคำนวณเงินชดเชยเลิกจ้าง

กรณีโอนไปปฏิบัติงานในหน่วยงานหรือหน่วยงานรับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน โดยมีระยะเวลาปฏิบัติงานในกองทัพตามที่ผู้บังคับบัญชากำหนดเป็นนายทหารสัญญาบัตร เมื่อเกษียณอายุราชการ ให้ใช้ค่าสัมประสิทธิ์เงินเดือนที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินเดือนเฉลี่ยที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินบำนาญในระยะเวลาที่โอนไปเป็นนายทหารสัญญาบัตร คือ 3.90

ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 52/2568 ข้าราชการที่โอนไปปฏิบัติงานในหน่วยงานหรือองค์กรที่ได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน แล้วโอนไปปฏิบัติงานในหน่วยงานหรือองค์กรที่ไม่ได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน เมื่อเกษียณอายุราชการ จะได้รับเงินเพิ่มอาวุโสตามอายุราชการในกองทัพบก และยศทหาร ณ เวลาก่อนหน้านั้นทันที และให้ปรับอัตราเงินเดือนตามระบบเงินเดือนที่กำหนดไว้เมื่อเกษียณอายุราชการ โดยคำนวณเงินเดือนเฉลี่ยรายเดือนสำหรับการส่งเงินสมทบประกันสังคมสำหรับระยะเวลาปฏิบัติงาน ตามระบบเงินเดือนที่รัฐกำหนด เพื่อเป็นฐานในการคำนวณเงินบำนาญข้าราชการ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ที่เปลี่ยนอาชีพแต่เนื่องจากภารกิจจำเป็น ซึ่งได้รับการตัดสินใจจากผู้มีอำนาจหน้าที่ให้กลับมารับราชการในกองทัพ จะได้รับการมอบหมายงานใหม่ที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเจ้าหน้าที่คนนั้น