การแข่งขันระหว่างบอร์นมัธกับเบิร์นลีย์ในรอบที่ 10 ของพรีเมียร์ลีกประสบกับเหตุการณ์ที่หายาก ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เจย์ โรดริเกซ กองหน้าของเบิร์นลีย์ ยิงประตูให้กับบอร์นมัธ ทำให้เสมอกัน 2-2
ผู้ตัดสินใช้เวลานานในการตรวจสอบ VAR ในสถานการณ์ที่เจย์ โรดริเกซ ยิงประตูให้กับบอร์นมัธ (ภาพ: เดอะซัน)
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้า เทคโนโลยีผู้ช่วยผู้ตัดสินวิดีโอ (VAR) เข้ามาชี้แจงเหตุการณ์นี้ทันที แต่ปัญหาคือ ตำแหน่งของเจย์ โรดริเกซ เมื่อเทียบกับผู้เล่นคนล่าสุดของเบิร์นลีย์ (ไม่รวมผู้รักษาประตู) ถือว่าละเอียดอ่อนมาก
ในตอนแรก ผู้ตัดสิน 2 คน คือ ไมเคิล ซอลส์บิวรี และนิค ฮอปตัน ในทีม VAR ได้พลิกคำตัดสินของผู้ช่วยผู้ตัดสิน เมื่อพวกเขาคิดว่ากองหน้าของเบิร์นลีย์ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่แล้วพวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงโทรไปตรวจสอบอีกครั้ง
จากการตรวจสอบซ้ำ VAR พบว่า Jay Rodriguez ล้ำหน้าเพียงไม่กี่มิลลิเมตร ดังนั้นประตูของ Burnley จึงไม่ถือเป็นประตู กระบวนการนี้ใช้เวลานานกว่า 5 นาที
ตามรายงานของ The Sun นี่คือการตรวจสอบ VAR ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ก่อนหน้านี้ สถิติเวลาตรวจสอบ VAR คือ 3 นาที 45 วินาที ในการแข่งขันระหว่างเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด กับ ท็อตแน่ม เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019
เจย์ โรดริเกซและทีมเบิร์นลีย์ทั้งทีมต้องกุมหัวด้วยความเสียใจหลังจากไม่ได้ประตูตีเสมอ ในทางกลับกัน ทีมบอร์นมัธทั้งทีมต่างก็เฉลิมฉลองอย่างกระตือรือร้นหลังจากชัยชนะอันน่าตื่นเต้น
VAR ใช้เวลามากกว่า 5 นาทีในการตรวจสอบสถานการณ์ของเจย์ โรดริเกซ ถือเป็นสถิติใหม่ในการเช็ค VAR ในพรีเมียร์ลีก (ภาพ : รอยเตอร์)
หลังการแข่งขัน อันโดรนี อิราโอล่า ผู้จัดการทีมบอร์นมัธ เปิดเผยว่าเขาได้แจ้งกับผู้ตัดสินแล้วว่าอย่ารีบเร่งเข้าไปตรวจสอบ VAR แต่พวกเขากลับใช้เวลาในการตัดสินใจที่ดีที่สุด
โค้ชอิราโอลากล่าวว่า "ฉันไม่รู้ว่าผู้ตัดสินตรวจสอบ VAR นานแค่ไหน ฉันบอกพวกเขาว่าให้ใช้เวลาให้คุ้มค่า เราสามารถรอได้ แทนที่จะต้องยอมรับคำขอโทษหลังจบการแข่งขัน"
จากชัยชนะ 2-1 เหนือเบิร์นลีย์ บอร์นมัธยิ้มรับชัยชนะครั้งแรกของฤดูกาล พวกเขาหลุดจากตำแหน่งบ๊วยไปได้โดยมี 6 แต้ม ในขณะเดียวกัน เบิร์นลีย์ถูกผลักลงมาอยู่อันดับรองบ๊วย โดยมี 4 คะแนน
แหล่งที่มา
การแสดงความคิดเห็น (0)