1. ตำนานศักดิ์สิทธิ์และที่มาของวัดรังเสือ
วัดรังเสือมีชื่อเสียงจากตำนานอันน่าตื่นเต้น (ที่มาของภาพ: รวบรวม)
เมื่อพูดถึง วัด รังเสือ สิ่งแรกที่ทำให้หัวใจของนักเดินทางสั่นไหวคือตำนานศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับต้นกำเนิดของสถานที่แห่งนี้ ตามตำนานภูฏาน ในศตวรรษที่ 8 พระคุรุรินโปเช นักบุญผู้ก่อตั้งพุทธศาสนาวัชรยานในภูฏาน ได้ขี่หลังเสือตัวเมียมายังหน้าผาสูงชันแห่งนี้เพื่อทำสมาธิเป็นเวลาสามเดือน ต่อมาสถานที่ที่ท่านทำสมาธิได้ถูกสร้างขึ้นเป็นวัดทักชัง ซึ่งแปลว่า "รังเสือ" หรือรังเสือ
ความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มาจากตำนานลึกลับเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากอากาศอันศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาที่พัดมาบรรจบกันตลอดทั้งปีอีกด้วย อารามแห่งนี้ตั้งอยู่อย่างน่าหวาดเสียวบนระดับความสูงกว่า 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เกาะแน่นอยู่บนหน้าผาสูงชันราวกับท้าทายกฎแรงโน้มถ่วงทุกประการ ทำให้ผู้มาเยือนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจและชื่นชม
2. ความงามอันสง่างามราวกับสัมผัสท้องฟ้าสีคราม
สิ่งแรกที่จะครองใจผู้มาเยือน คือ ทัศนียภาพธรรมชาติที่งดงามและบริสุทธิ์ (ที่มาของภาพ: รวบรวม)
เมื่อเริ่มต้นการเดินทางสู่วัดถ้ำเสือ สิ่งแรกที่ดึงดูดใจผู้มาเยือนคือทัศนียภาพทางธรรมชาติอันงดงามและบริสุทธิ์ วัดแห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าสนกว้างใหญ่ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหน้าผาสูงชัน มีเมฆลอยเป็นม่านบางๆ ปกคลุมหลังคากระเบื้องโบราณ ทำให้ภาพทิวทัศน์ทั้งหมดราวกับภาพวาด
มองจากระยะไกล รังเสือเปรียบเสมือนความฝัน เลือนรางแต่เปี่ยมเสน่ห์ เมื่อเข้าใกล้ รายละเอียดทางสถาปัตยกรรมที่แกะสลักอย่างประณีตจะค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น เสาไม้แกะสลักรูปมังกร ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวของคุรุรินโปเช และเสียงกระดิ่งลมที่ดังกังวาน ผสานเข้ากับเสียงลมป่าราวกับบทเพลงแห่งแดนวิญญาณ ทุกย่างก้าวที่มาเยือนวัดรังเสือ คือความเชื่อมโยงอันลึกซึ้งระหว่างผู้คนและธรรมชาติ ระหว่างอดีตและปัจจุบัน ระหว่างจิตสำนึกและ โลก ภายนอก
3. สัมผัสประสบการณ์การทำสมาธิและความสงบจิตใจที่ Tiger's Nest
ทุกปีมีนักท่องเที่ยวนับพันเดินทางมาที่วัด Tiger's Nest เพื่อแสวงบุญภายใน (ที่มาของภาพ: รวบรวม)
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทุกปีจะมีผู้คนนับพันเดินทางมายังวัดไทเกอร์สเนสต์เพื่อแสวงบุญภายใน ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับเที่ยวชมสถานที่หรือถ่ายรูปเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่สำหรับสงบจิตใจ ทำสมาธิ และค้นหาความสงบจากภายในจิตใจอีกด้วย
พระสงฆ์ที่พำนักอยู่ในวัดแห่งนี้ดำเนินชีวิตด้วยการทำสมาธิอย่างบริสุทธิ์ เริ่มต้นวันใหม่ด้วยพิธีกรรมแบบดั้งเดิม สวดมนต์ท่ามกลางเสียงฆ้องและธูปหอม ผู้มาเยี่ยมชมสามารถเข้าร่วมการทำสมาธิสั้นๆ หรือเพียงนั่งเงียบๆ ในมุมหนึ่ง มองออกไปเห็นหุบเขาพาโรไกลๆ และสัมผัสกับความสงบที่หาไม่ได้จากที่อื่น
ในโลกที่เร่งรีบและจอแจ การเดินทางไปยังวัดไทเกอร์สเนสต์เป็นโอกาสให้ผู้คนได้หวนคืนสู่ตัวตนที่แท้จริงของตนเอง กลับสู่ตัวตนที่แท้จริงที่ไม่เคยถูกครอบงำด้วยเครือข่ายสังคมออนไลน์หรือความวุ่นวายของชีวิต การทำสมาธิยามเช้าท่ามกลางเทือกเขาภูฏานอาจกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำไปตลอดชีวิต
4. ความงดงามของวัฒนธรรมภูฏานในทุก ๆ ด้านในวัด
วัด Tiger's Nest เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของภูฏาน (ที่มาของภาพ: รวบรวม)
วัดถ้ำเสือ (Tiger's Nest Monastery) ไม่เพียงแต่เป็นศาสนสถานเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของภูฏานอีกด้วย เมื่อมาเยือนวัดถ้ำเสือ คุณจะได้ชื่นชมสถาปัตยกรรมภูฏานแบบดั้งเดิม หลังคาไม้โค้ง ลวดลายตกแต่งที่ทำด้วยมือ สีสันสดใสแต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งการทำสมาธิ
ภายในวัดประกอบด้วยศาลเจ้าเล็กๆ หลายแห่ง แต่ละแห่งอุทิศแด่เทพเจ้า เรื่องราว และระดับชั้นในทฤษฎีการกลับชาติมาเกิดของพระพุทธศาสนาวัชรยาน ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วาดด้วยสีย้อมธรรมชาติยังคงรักษาสีสันดั้งเดิมไว้ได้ตลอดหลายศตวรรษ ราวกับกาลเวลาได้หยุดลง ณ ที่แห่งนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเข้าร่วมงานเทศกาลทางศาสนาที่จัดขึ้นที่ Tiger's Nest คุณจะได้สัมผัสกับภูฏานที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง สีสันสดใสของชุดโกและคิระแบบดั้งเดิม เสียงกลองประกอบพิธีกรรมอันคึกคัก และการเต้นรำหน้ากากมังกร การเดินทางไปยังวัด Tiger's Nest ในช่วงเทศกาลนี้ ถือเป็นวิธีหนึ่งที่จะสัมผัสจิตวิญญาณของดินแดนแห่งมังกรสายฟ้าได้อย่างลึกซึ้ง
5. เวลาที่เหมาะสมใน การสำรวจ วัด Tiger's Nest
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงพฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุด (ที่มาของภาพ: รวบรวม)
ภูฏานเป็นประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกันไปตามฤดูกาล หากคุณวางแผนที่จะเยี่ยมชมวัดไทเกอร์สเนสต์ ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคมถึงพฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส ทิวเขาหลากสีสันด้วยดอกโรโดเดนดรอน ต้นเมเปิลแดง และทิวทัศน์ที่งดงามเหมาะสำหรับการดื่มด่ำกับความงามของวัดอย่างเต็มที่
ในฤดูหนาว หิมะอาจปกคลุมหลังคาวัดจนเกิดทัศนียภาพอันงดงาม แต่ถนนค่อนข้างลื่นและสภาพอากาศก็เลวร้าย ในฤดูร้อนมักมีฝนตก ซึ่งอาจทำให้เกิดดินถล่มบนถนนบนภูเขาได้ง่าย ดังนั้น ควรวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้การเดินทางไปยังวัดไทเกอร์เนสท์ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
ท่ามกลางเมฆหมอก เสียงลมป่าเสียดสี และเสียงระฆังวัดดังกังวาน นักท่องเที่ยวจะตระหนักว่าความงดงามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ได้มาจากภาพถ่ายเช็คอิน หากแต่มาจากความสงบภายในเมื่อได้ยืนอยู่เบื้องหน้าสัญลักษณ์ทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ ท้าทายกาลเวลาและแรงโน้มถ่วง Tiger's Nest ไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นการเดินทาง บทเพลงแห่งการทำสมาธิที่ก้องกังวานอยู่ในใจของทุกคนที่เคยไปเยือน
ที่มา: https://www.vietravel.com/vn/am-thuc-kham-pha/tu-vien-tigers-nest-v17413.aspx
การแสดงความคิดเห็น (0)