จากพื้นที่ 57.42 เฮกตาร์ที่ต้องปลูกป่าทดแทนใน จังหวัดห่าติ๋ญ หลังจากพิจารณาแล้ว กองทุนที่ดินที่เหลืออยู่ในจังหวัดมีอยู่ 30 เฮกตาร์ ดังนั้น ท้องถิ่นจึงเสนอให้รัฐบาลกลางจัดการปลูกป่าทดแทนอีก 27.42 เฮกตาร์ในจังหวัดอื่น
โครงการทางด่วนสายเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ระยะปี 2564-2568 ผ่านจังหวัดห่าติ๋ญ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
เพื่อรองรับการก่อสร้างโครงการทางด่วนสายเหนือ-ใต้ 3 โครงการ ระยะทาง 102.38 กิโลเมตร ในระยะตะวันออก ปี 2564-2568 ผ่านพื้นที่ดังกล่าว ตามข้อเสนอของผู้ลงทุนและผู้รับจ้าง ห่าติ๋ญได้อนุมัติการยืนยันพื้นที่ ความจุ ปริมาณ วิธีการใช้ประโยชน์ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสำหรับเหมืองแร่ 11 แห่ง (เหมืองถมดิน 8 แห่ง และเหมืองทราย 3 แห่ง) เพื่อเป็นแหล่งวัสดุก่อสร้าง ต่อมาสภาประชาชนจังหวัดได้มีมติเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ป่าไม้เป็นการใช้ทรัพยากรแร่ธาตุสำหรับเหมืองถมดิน 7 แห่ง โดยมีพื้นที่ป่าทดแทนด้วยการปลูกป่า 57.42 เฮกตาร์
ทุ่นระเบิดที่เต็มไปด้วยป่า ได้แก่ ทุ่นระเบิด Luu Vinh Son 2 และ Luu Vinh Son 3 (ตำบล Luu Vinh Son อำเภอ Thach Ha) ขนาดพื้นที่ 9.43 และ 3.54 เฮกตาร์ ตามลำดับ ทุ่นระเบิดภูเขา Dong Moi (ตำบล Cam Lac อำเภอ Cam Xuyen) ขนาดพื้นที่ 15.22 เฮกตาร์ ทุ่นระเบิดภูเขา Dong Chieng (ตำบล Cam Son อำเภอ Cam Xuyen) ขนาดพื้นที่ 7.06 เฮกตาร์ ทุ่นระเบิดตำบล Thuong Loc (อำเภอ Can Loc) ขนาดพื้นที่ 10.7 เฮกตาร์ ทุ่นระเบิด Dat Do 2 (ตำบล Ky Trung อำเภอ Ky Anh) ขนาดพื้นที่ 4.85 เฮกตาร์ และทุ่นระเบิด Duc Lang 2 (ตำบล Duc Lang อำเภอ Duc Tho) ขนาดพื้นที่ 6.62 เฮกตาร์
กำลังมีการใช้ประโยชน์จากเหมืองฝังกลบเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการทางด่วนสายเหนือ-ใต้
จากเหมืองแร่ที่ได้รับอนุญาต 11 แห่ง จนถึงปัจจุบัน มีอยู่ 9 แห่งที่เคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว และผู้รับเหมาได้เริ่มทำเหมืองเพื่อรองรับการก่อสร้างโครงการทางด่วนสายเหนือ-ใต้แล้ว
นายเหงียน บ๋า ดึ๊ก รองอธิบดีกรมเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวว่า จากพื้นที่ 57.42 เฮกตาร์ที่จำเป็นต้องปลูกป่าในห่าติ๋ญ หลังจากพิจารณาแล้ว พบว่ากองทุนที่ดินสำหรับปลูกป่าเหลืออยู่ 30 เฮกตาร์ ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการประชาชนจังหวัดจึงได้ส่งหนังสือขอให้รัฐบาลกลางดำเนินการปลูกป่าในจังหวัดอื่นที่มีพื้นที่ 27.42 เฮกตาร์
พื้นที่ป่าทดแทน 30 ไร่ในอำเภอห่าติ๋ญ ได้แก่ เหมืองหลือหวิญเซิน 2 พื้นที่ 5 ไร่ เหมืองหลือหวิญเซิน 3 พื้นที่ 2.5 ไร่ เหมืองดัตโด๋ 2 พื้นที่ 3 ไร่ เหมืองเขาดงเหมย พื้นที่ 4.94 ไร่ เหมืองเขาดงเชียง พื้นที่ 7.06 ไร่ เหมืองดึ๊กหล่าง 2 พื้นที่ 2.5 ไร่ และเหมืองชุมชนเถื่องหลก พื้นที่ 5 ไร่
ด้วยความมุ่งมั่นของหน่วยงานที่มีอำนาจ ปัญหาในการจัดหาวัสดุก่อสร้างสำหรับโครงการทางด่วนสายเหนือ-ใต้ผ่านห่าติ๋ญได้รับการแก้ไขโดยพื้นฐานแล้ว
กรมเกษตรและพัฒนาชนบทได้ประเมินเอกสารการออกแบบงบประมาณการปลูกป่าและนำเสนอต่อคณะกรรมการประชาชนจังหวัดเพื่ออนุมัติเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน “เมื่อคณะกรรมการประชาชนจังหวัดอนุมัติแล้ว เจ้าของเหมืองจะคำนวณราคาต่อหน่วยและชำระค่าธรรมเนียมการปลูกป่าทดแทนให้กับกองทุนคุ้มครองและพัฒนาป่าไม้จังหวัด จากนั้น เจ้าของเหมืองจะยื่นคำขอแปลงที่ดินเป็นลายลักษณ์อักษร และภายใต้อำนาจของคณะกรรมการประชาชนอำเภอ (พื้นที่ป่าของครัวเรือน) หรือคณะกรรมการประชาชนจังหวัด (พื้นที่ป่าขององค์กร) จะออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ป่า” นายเหงียน บ๋า ดึ๊ก แจ้ง
สำหรับพื้นที่ 27.42 เฮกตาร์ ขอให้ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท จัดให้มีการปลูกพืชในจังหวัดอื่นๆ ได้แก่ เหมือง Dat Do 2 พื้นที่ 1.85 เฮกตาร์ เหมืองเขา Dong Moi พื้นที่ 10.28 เฮกตาร์ เหมือง Duc Lang 2 พื้นที่ 4.12 เฮกตาร์ เหมืองชุมชน Thuong Loc พื้นที่ 5.7 เฮกตาร์ เหมือง Luu Vinh Son 2 พื้นที่ 4.43 เฮกตาร์ และเหมือง Luu Vinh Son 3 พื้นที่ 1.04 เฮกตาร์
พื้นที่ป่าที่ต้องปลูกทดแทนเหมืองหลือวิงเซิน 2 ตำบลหลือวิงเซิน อำเภอท่าเสา จำนวน 9.43 ไร่
รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรและพัฒนาชนบท ระบุว่า กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทได้อนุมัติการชำระค่าธรรมเนียมการปลูกป่าทดแทนตามข้อเสนอของคณะกรรมการประชาชนจังหวัด และกรมป่าไม้ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการชำระค่าธรรมเนียมการปลูกป่าทดแทน ปัจจุบัน เจ้าของเหมืองแร่ได้จ่ายเงินเข้ากองทุนคุ้มครองและพัฒนาป่าไม้จังหวัด
ขณะนี้ เอกสารการออกแบบการปลูกป่าทดแทนได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการประชาชนจังหวัดแล้ว (เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน) และกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทได้อนุญาตให้มีการชำระค่าธรรมเนียมการปลูกป่าทดแทนแล้ว กรมเกษตรและพัฒนาชนบทกำลังขอให้เจ้าของเหมืองชำระค่าปลูกป่าทดแทนทันที เมื่อการชำระเสร็จสิ้น วัตถุประสงค์การใช้ป่าจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ประโยชน์จากเหมืองแร่เพื่อก่อสร้างโครงการทางด่วน” นายเหงียน บ๋า ดึ๊ก รองอธิบดีกรมเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าว
โครงการส่วนทางด่วนหวุงอัง-บุ่ง
นอกจากนี้ ตามข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรและพัฒนาชนบท ในระหว่างการก่อสร้างโครงการส่วนทางด่วนสายวุงอัง-บุง คณะกรรมการบริหารโครงการที่ 6 ( กระทรวงคมนาคม ) ซึ่งเป็นผู้ลงทุนโครงการ ได้เสนอให้เพิ่มพื้นที่ป่าที่จะแปรรูปอีก 17.09 เฮกตาร์ แบ่งเป็นป่าธรรมชาติ 2.66 เฮกตาร์ และป่าปลูก 14.43 เฮกตาร์
ดังนั้น กรมวิชาการเกษตรและพัฒนาชนบทจึงได้ขอให้คณะกรรมการบริหารโครงการที่ 6 ประสานงานกับกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณา ปรับปรุง เสนอแนะ และเพิ่มเติมผังเมือง แผนการใช้ที่ดิน และเนื้อหาของรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามระเบียบ
นายเหงียน บ๋า ดึ๊ก รองอธิบดีกรมเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวเสริมว่า ทางจังหวัดได้มอบหมายให้อำเภอกีอันห์ เมืองกีอันห์ คณะกรรมการบริหารโครงการที่ 6 และกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการจัดทำเนื้อหาผังเมือง แผนการใช้ที่ดิน และทบทวนเอกสารการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ หลังจากดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว หน่วยงานจะมีพื้นฐานในการสรุปและให้คำปรึกษาแก่คณะกรรมการประชาชนจังหวัด เพื่อนำเสนอต่อกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเพื่อพิจารณาเอกสารประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ
วัน ดึ๊ก - ทัง ลอง
แหล่งที่มา
การแสดงความคิดเห็น (0)