ราคาข้าวสารวันนี้ 21 ก.ย. 60 ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ปรับขึ้น 50 ดองต่อกก. ข้าวสาร เมื่อเทียบกับเมื่อวาน
อัพเดทจากกรม วิชาการเกษตร และพัฒนาชนบทจังหวัดอานซาง ระบุว่า ราคาข้าวสารวันนี้ยังไม่มีการปรับขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวาน โดยข้าวพันธุ์ IR 50404 มีราคาอยู่ที่ 7,300 - 7,500 ดอง/กก. ข้าวพันธุ์ Dai Thom 8 มีราคาอยู่ที่ 8,000 - 8,200 ดอง/กก. ข้าวพันธุ์ OM 5451 มีราคาอยู่ที่ 7,600 - 7,900 ดอง/กก. ข้าวพันธุ์ OM 18 มีราคาอยู่ที่ 7,800 - 8,000 ดอง/กก. ข้าวพันธุ์ OM 380 มีราคาอยู่ที่ 7,600 - 7,800 ดอง/กก. ข้าวญี่ปุ่น มีราคาอยู่ที่ 7,800 - 8,000 ดอง/กก. และข้าวพันธุ์ Nang Nhen (ข้าวสารแห้ง) มีราคาอยู่ที่ 20,000 ดอง/กก.
นอกจากนี้ ตลาดข้าวเหนียวปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ โดยราคาข้าวเหนียวแห้ง Long An IR 4625 อยู่ที่ 9,700 - 9,900 ดอง/กก. ลดลง 100 ดอง/กก. เมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้ ส่วนราคาข้าวเหนียวแห้ง Long An 3 เดือน อยู่ที่ 9,800 - 10,000 ดอง/กก. ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเมื่อวานนี้
สำหรับข้าว ราคาข้าว IR 504 ดิบช่วงฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง เพิ่มขึ้น 50 ดอง/กก. เป็น 10,650 - 10,750 ดอง/กก. ส่วนราคาข้าว IR 504 สำเร็จรูปอยู่ที่ประมาณ 13,000 - 13,200 ดอง/กก.
ราคาข้าวสารวันนี้ตลาดในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย |
สำหรับผลิตภัณฑ์พลอยได้ ราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้ทุกชนิดมีความผันผวนอยู่ระหว่าง 5,750 - 8,600 ดอง/กก. ปัจจุบันราคาข้าวหัก OM 5451 อยู่ที่ 8,500 - 8,600 ดอง/กก. และราคารำข้าวแห้งอยู่ที่ 5,750 - 5,850 ดอง/กก.
ในตลาดค้าปลีก ราคาข้าวยังไม่ได้ปรับตามผลิตภัณฑ์ข้าวแต่ละชนิด ปัจจุบัน ข้าวนางเฮือนมีราคาสูงสุดอยู่ที่ 28,000 ดอง/กก. ข้าวหอมมะลิอยู่ที่ 18,000 - 20,000 ดอง/กก. ข้าวนางฮัวอยู่ที่ 20,000 ดอง/กก. ข้าวปกติมีราคาผันผวนอยู่ที่ประมาณ 15,000 - 16,000 ดอง/กก. ข้าวหอมเมล็ดยาวอยู่ที่ 20,000 - 21,000 ดอง/กก. ข้าวหอมมะลิเฮืองอยู่ที่ 18,000 ดอง/กก. ข้าวหอมไต้หวันอยู่ที่ 21,000 ดอง/กก. ข้าวขาวธรรมดาอยู่ที่ 17,000 ดอง/กก. ข้าวหอมธรรมดาของโซกอยู่ที่ 18,000 - 18,500 ดอง/กก. ข้าวหอมไทยของโซกอยู่ที่ 21,000 ดอง/กก. ข้าวญี่ปุ่นอยู่ที่ 22,000 ดอง/กก.
ในตลาดส่งออก ราคาข้าวส่งออกของเวียดนามอยู่ในระดับสูง สมาคมอาหารเวียดนาม (VFA) ระบุว่า ข้าวหัก 100% อยู่ที่ 455 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ข้าวสาร 5% อยู่ที่ 567 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และข้าวหัก 25% อยู่ที่ 537 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
สถิติเบื้องต้นจากกรมศุลกากรระบุว่าเมื่อกลางเดือนกันยายนปีนี้ ประเทศของเราส่งออกข้าวสารทุกประเภทเกือบ 6.5 ล้านตัน ทำรายได้ 4.06 พันล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเพียง 6.2% ในด้านปริมาณ แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 21.2% (เทียบเท่าเพิ่มขึ้น 710 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ในส่วนของตลาดส่งออก ลูกค้ารายใหญ่สามอันดับแรกของข้าวเวียดนามคือฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด ได้ใช้เงินเกือบ 1.72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อข้าวจากเวียดนามจำนวน 2.81 ล้านตันในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว การส่งออกข้าวของไทยไปยังตลาดนี้เพิ่มขึ้น 19.6% ในด้านปริมาณ และ 39.8% ในด้านมูลค่า
อินโดนีเซียยังคงเพิ่มปริมาณการซื้อข้าวจากเวียดนามอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยในช่วงแปดเดือนแรกของปี 2567 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ซื้อข้าวเกือบ 913,900 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 557.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกข้าวของเวียดนามไปยังอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 27.3% ในด้านปริมาณ และ 54.4% ในด้านมูลค่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566
ที่น่าสังเกตคือ เวียดนามส่งออกข้าวไปยังมาเลเซียเกือบ 582,900 ตัน สร้างรายได้ 345.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกข้าวไปยังตลาดนี้เพิ่มขึ้น 112% ในด้านปริมาณ และ 152.8% ในด้านมูลค่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อข้าวทำให้มาเลเซียกลายเป็นตลาดส่งออกข้าวที่ใหญ่เป็นอันดับสามของเวียดนาม แซงหน้าจีน
ราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยของประเทศเราในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 625 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผู้เชี่ยวชาญและผู้ส่งออกข้าวระบุว่าเป็นการยากที่จะคาดการณ์ราคาข้าวในช่วงเดือนสุดท้ายของปี อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวจะไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากปริมาณข้าวเหลือสำหรับการส่งออกมีไม่มากนัก เป็นที่ทราบกันดีว่าฟิลิปปินส์มีแผนนำเข้าข้าวเวียดนามประมาณ 1 ล้านตัน
ล่าสุด สำนักงานโลจิสติกส์แห่งชาติอินโดนีเซียประกาศประกวดราคาข้าวเดือนกันยายน ปริมาณ 450,000 ตัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลผลิตข้าวขาวหัก 5% ในปีการเพาะปลูก 2567 (สีไม่เกิน 6 เดือน)
ตามความต้องการของอินโดนีเซีย ข้าวจะต้องมีแหล่งที่มาจากเวียดนาม ไทย เมียนมาร์ กัมพูชา ปากีสถาน และจะส่งมอบในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน
*ข้อมูลเพื่อการอ้างอิงเท่านั้น
การแสดงความคิดเห็น (0)