Vietnam.vn - Nền tảng quảng bá Việt Nam

Độc lập - Tự do - Hạnh phúc

พืชตำแยสามารถรักษาโรคได้หลายชนิด แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธีจึงจะปลอดภัย

Báo Tuổi TrẻBáo Tuổi Trẻ27/11/2024

ส่วนประกอบทางเคมีของหญ้าเหม็น (มูลหมู) มีความสำคัญในการเตรียมสมุนไพร และผู้คนใช้รักษาโรคได้หลายชนิด อย่างไรก็ตาม สมุนไพรชนิดนี้สามารถสะสมสารพิษได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้วิธีการใช้เพื่อความปลอดภัย


Cây cỏ hôi chữa nhiều bệnh nhưng cần dùng cho đúng để đảm bảo an toàn - Ảnh 1.

หญ้าเหม็น (มูลหมู) มีฤทธิ์รักษาโรคได้หลายชนิด - ภาพประกอบ

ตำแยสามารถช่วยรักษาโรคได้หลายชนิด

แพทย์หญิงกวัค ตวน วินห์ สมาชิกคณะกรรมการบริหารสมาคมแพทย์แผนตะวันออก ฮานอย กล่าวว่า หญ้าเหม็น (ageratum conyzoides) หรือที่รู้จักกันในชื่อหญ้าห้าสี ขึ้นอยู่ตามป่าในหลายพื้นที่ เป็นสมุนไพรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการแพทย์พื้นบ้านเพื่อรักษาโรคหลายชนิด ด้วยฤทธิ์ต้านการอักเสบ บรรเทาอาการปวด ต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านเชื้อรา

งานวิจัยสมัยใหม่แสดงให้เห็นว่าองค์ประกอบทางเคมีของพืชผักโขมมีความสำคัญในการเตรียมสมุนไพร ได้แก่ น้ำมันหอมระเหย ซาโปนิน แคริโอฟิลลีน แอนโคลอยด์ ดีเมทอกซีเกอราโตโครเมน แคดินน์ กรดฟูมาริก ฟีนอล เคอร์ซิติน คูมาริน เรซิน แทนนิน เคมเฟอรอล ชาโรโมน กรดคาเฟอิก...

หญ้าเหม็นมีสรรพคุณทางยาทั้งในตำรับยาแผนโบราณและแผนปัจจุบัน ตามตำรายาแผนโบราณ หญ้าเหม็นมีสรรพคุณเย็น เผ็ดเล็กน้อย ขมเล็กน้อย มีฤทธิ์เย็น ขับพิษ ป้องกันเลือดออก อาการบวม และใช้รักษาสิว เจ็บคอ ประจำเดือนมามาก ตกเลือดหลังคลอด นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ไซนัสอักเสบ ปวดกระดูกและข้อ และโรคไขข้อ วิธีใช้:

- การรักษาโรคไซนัสอักเสบและ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ : ตำแยถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในตำแยพื้นบ้านเพื่อรักษาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ไซนัสอักเสบและโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้

สารต้านการอักเสบและภูมิแพ้ในพืชช่วยลดอาการบวม ปวด และทำให้โพรงจมูกโล่ง

วิธีใช้ : ใช้ใบสดล้าง บด และคั้นน้ำ หยด 1-2 หยดลงในรูจมูกแต่ละข้าง ช่วยลดอาการคัดจมูกและไซนัสอักเสบ การอบไอน้ำจมูก: ใช้ใบสดต้มกับน้ำ แล้วใช้ไอน้ำเพื่ออบไอน้ำบริเวณโพรงจมูก เพื่อช่วยทำให้โพรงจมูกโล่ง ลดอาการบวม และขับเสมหะ

- รักษาโรคผิวหนัง เชื้อราบนผิวหนัง ผิวหนังอักเสบ : ใบตำแยมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้ดี โดยเฉพาะโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา เช่น โรคผิวหนังอักเสบ เชื้อราที่เล็บ และโรคฮ่องกงฟุต

การศึกษาวิจัยพบว่าสารสกัดจากสมุนไพรมีคุณสมบัติต้านทานเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราที่ก่อโรคได้หลายชนิด โดยเฉพาะสายพันธุ์ Staphylococcus aureus (Staphylococcus) และ Candida albicans (เชื้อรา)

วิธีใช้: ใช้ภายนอกโดยการล้างใบ บด แล้วทาบริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อหรือเชื้อรา ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สามารถทำได้ 2-3 ครั้งต่อวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น

เครื่องดื่มบำรุงกำลัง: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและป้องกันการติดเชื้อซ้ำ คุณสามารถผสมยาต้มผักโขมกับขนาดยาต่ำได้

- บรรเทาอาการปวดและต้านการอักเสบ : ตำแยมีสารประกอบที่มีฤทธิ์บรรเทาอาการปวดและต้านการอักเสบ ซึ่งมีประโยชน์ในการรักษาอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ และปวดกล้ามเนื้อ สารประกอบเหล่านี้ทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดอาการบวมและปวด

การวิจัยในบราซิลแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากต้นผักโขมมีประสิทธิภาพในการลดอาการปวดและการอักเสบในสัตว์ทดลองที่เป็นโรคข้ออักเสบ

วิธีใช้ : คุณสามารถต้มน้ำดื่มได้โดยใช้ใบแห้ง 10-15 กรัม ต้มกับน้ำแล้วดื่มวันละ 1-2 ครั้ง วิธีนี้ช่วยลดอาการปวด ลดการอักเสบในโรคข้อและปวดกล้ามเนื้อ หรือใช้ใบสดบดพอกภายนอก ทาบริเวณข้ออักเสบหรือกล้ามเนื้อที่ปวดเพื่อลดอาการบวมและปวด

- ช่วยในการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร : ตำแยใช้ช่วยในการรักษาโรคมะเร็งระบบย่อยอาหาร รวมถึงอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และการติดเชื้อในลำไส้

ใช้โดย วิธีต้ม : ใช้ต้นแห้ง 10 กรัม หรือต้นสดประมาณ 20 กรัม ต้มเป็นน้ำดื่ม ใช้ 2-3 ครั้งต่อวัน เพื่อลดอาการของโรคระบบย่อยอาหาร

- ลด การเกิดโรคเรื้อรัง: ฟลาโวนอยด์และโพลีฟีนอลในต้นผักโขมมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง ช่วยปกป้องเซลล์จากการโจมตีของอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือด

การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากต้นผักโขมสามารถลดการเกิดออกซิเดชันในร่างกาย ปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังได้

สามารถใช้ดื่มน้ำต้มจากต้นไม้เพื่อเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องสุขภาพได้

- โรคหูชั้นกลางอักเสบ: บดสมุนไพรนี้แล้วคั้นน้ำ หยดลงในหู 1-2 หยด วันละ 4 ครั้ง

- โรคไขข้ออักเสบ เคล็ดขัดยอก: นำกะหล่ำปลีสกั๊งค์สดมาล้าง เติมข้าวสารและเกลือ คั่วและบดให้ละเอียด ใช้ผงนี้ทาบริเวณข้อบวม ใช้ผ้าพันแผลพันไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วลอกผ้าพันแผลออก ใช้วันละ 2-3 ครั้งเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

- อาการเจ็บคอ: ล้างและบดใบของต้น นำมาคั้นน้ำแล้วเติมน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น ใช้วันละ 3 ครั้งเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- การดูแลเส้นผม: บดใบหญ้าเหม็นสดแล้วใช้ส่วนผสมนี้สระผม ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ คลุมไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้เป็นประจำจะช่วยให้คุณมีผมหอม นุ่มสลวย ปราศจากรังแค

- รักษาไข้ : นำรากหญ้าต้มเอาน้ำมาดื่มวันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยลดไข้ได้

Cây cỏ hôi chữa nhiều bệnh nhưng cần dùng cho đúng để đảm bảo an toàn - Ảnh 2.

นิทานพื้นบ้านมักใช้หญ้าเหม็นเพื่อรักษาโรคไซนัสอักเสบ - ภาพประกอบ

ใช้ให้ถูกต้องเพื่อความปลอดภัย

แพทย์ Quach Tuan Vinh แนะนำว่าแม้ว่าพืชหญ้าเหม็นจะมีประโยชน์ทางยาหลายประการ แต่จำเป็นต้องใส่ใจในบางจุดเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อใช้:

- ใช้ในระยะสั้น : ตำแยอาจทำให้เกิดสารพิษสะสมได้หากใช้เป็นเวลานาน ควรใช้เพียงประมาณ 1-2 สัปดาห์จนกว่าอาการจะดีขึ้น และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

- ห้ามใช้โดยสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร : ยังไม่มีการวิจัยมากพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของพืชชนิดนี้ในสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้เพื่อความปลอดภัย

- ใช้ด้วยความระมัดระวังในเด็ก : เด็กมีร่างกายที่อ่อนไหว ดังนั้นคุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ใบบัวบกกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ

- การโต้ตอบกับยาแผนปัจจุบัน : หากคุณกำลังรับประทานยาโดยเฉพาะยาต้านการอักเสบและยาแก้ปวด ควรระมัดระวังในการใช้สมุนไพรใบเตย เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาได้ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาแผนปัจจุบันเพิ่มขึ้นหรือลดลง

- อาการแพ้ : บางคนอาจแพ้พืชชนิดนี้ ทำให้เกิดอาการคัน ผื่น หรือหายใจลำบาก หากเกิดอาการแพ้ ให้หยุดใช้ทันทีและปรึกษาแพทย์

หญ้าเหม็นเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมายในการรักษาโรคโดยเฉพาะไซนัสอักเสบ โรคผิวหนัง อาการปวดเมื่อย และช่วยย่อยอาหาร...

อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัย ผู้ใช้ควรยึดตามขนาดยาที่เหมาะสม ไม่ใช้เป็นเวลานาน และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนโบราณเมื่อใช้ยาสำหรับโรคเฉพาะทาง เช่น สตรีมีครรภ์และเด็ก

Cây cỏ hôi chữa nhiều bệnh nhưng cần dùng cho đúng để đảm bảo an toàn - Ảnh 3. ‘สวนแสงแห่งชีวิต’ จากพืชดัดแปลงพันธุกรรม

แนวคิด ‘สวนแสงมีชีวิต’ โดยใช้พืชดัดแปลงพันธุกรรมที่มีคุณสมบัติเปล่งแสงตามธรรมชาติ ทดแทนระบบไฟฟ้าส่องสว่างแบบเดิม ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดยุคแห่งแสงสีเขียวให้กับเมืองทั้งเมือง



ที่มา: https://tuoitre.vn/cay-co-hoi-chua-nhieu-benh-nhung-can-dung-cho-dung-de-dam-bao-an-toan-202411270744213.htm

การแสดงความคิดเห็น (0)

Simple Empty
No data

หัวข้อเดียวกัน

หมวดหมู่เดียวกัน

ภายในสถานที่จัดนิทรรศการครบรอบ 80 ปี วันชาติ 2 กันยายน
ภาพรวมการฝึกอบรม A80 ครั้งแรกที่จัตุรัสบาดิญ
ลางซอนขยายความร่วมมือระหว่างประเทศในการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม
ความรักชาติในแบบฉบับคนรุ่นใหม่

ผู้เขียนเดียวกัน

มรดก

รูป

ธุรกิจ

No videos available

ข่าว

ระบบการเมือง

ท้องถิ่น

ผลิตภัณฑ์