การรูดบัตรเครดิตคืออะไร?
บัตรเครดิตคือเครื่องมือที่ช่วยให้เจ้าของบัตรทำธุรกรรมต่างๆ ได้ภายในวงเงินที่กำหนดโดยที่ไม่ต้องให้มีเงินอยู่ในบัญชี พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ ผู้ใช้จะได้รับเงินจำนวนหนึ่งล่วงหน้าจากธนาคารเสมอ เพื่อที่จะใช้จ่ายได้ตามจำนวนนั้น และชำระคืนในภายหลัง
ในยุคเทคโนโลยี การรูดบัตรเครดิตถือเป็นกิจกรรมที่ขาดไม่ได้เมื่อใช้บัตรในการทำธุรกรรมและชำระเงิน การรูดบัตรเครดิต คือการกระทำของลูกค้าที่ใช้บัตรเครดิตในการทำธุรกรรมบนเครื่อง POS ตามจุดช้อปปิ้ง
การดำเนินการรูดบัตรขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรเครดิต หากเป็นบัตรเครดิตชิป ก็จะเสียบเข้าในช่องอ่านบัตรชิป จากนั้นก็รูดบัตรเครดิตแบบแม่เหล็กผ่านช่องอ่านบัตรแม่เหล็ก
วิธีการรูดบัตรเครดิตบนเครื่อง POS
รูดบัตรเครดิตของคุณที่เครื่อง POS แบบพกพาหรือเครื่อง POS แบบคงที่ (ภาพ : ภาพประกอบ)
เมื่อชำระเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ผู้ใช้งานจะรูดบัตรเครดิตที่เครื่อง POS แบบพกพาหรือเครื่อง POS แบบติดตั้ง ขั้นตอนปฏิบัติมีดังต่อไปนี้:
ขั้นตอนที่ 1 : เจ้าหน้าที่รับบัตรจากลูกค้าและดำเนินการกับเครื่อง POS
ขั้นตอนที่ 2: กำหนดประเภทบัตรเครดิตที่ใช้ชำระเงิน: บัตรแถบแม่เหล็ก บัตรชิป หรือบัตรไร้สัมผัส เพื่อรูดบัตรอย่างถูกต้อง ด้วยบัตรแม่เหล็ก ให้เลือกบัตรปัด สำหรับบัตรชิป ให้เลือกประเภทบัตร หากเป็นบัตรแบบไม่สัมผัส ให้เลือกแตะบัตรที่ด้านบนของเครื่อง SmartPOS
ขั้นตอนที่ 3 : เมื่อเครื่อง POS แสดงข้อมูลผู้ถือบัตร ลูกค้าต้องป้อนจำนวนเงินที่ต้องชำระหรือรหัสความปลอดภัย CVV/CVC (หากจำเป็น)
ขั้นตอนที่ 4: ระบบจะแสดงช่องยืนยันการทำรายการให้กับผู้ถือบัตร ลูกค้าลงนามใบเสร็จเพื่อยืนยันว่าธุรกรรมสำเร็จ
โปรดทราบว่าขั้นตอนการรูดบัตรเครดิตนั้นมักมีความเสี่ยงมากมาย เช่น การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล ค่าธรรมเนียมธุรกรรมเพิ่มเติม เป็นต้น ดังนั้น ลูกค้าจึงต้องระมัดระวังในการชำระบิลด้วยบัตรเครดิตที่จุดขาย
บางกรณีไม่ควรรูดบัตรเครดิต
เพื่อความปลอดภัย ผู้ใช้ไม่ควรรูดบัตรเครดิตในการชำระเงินในกรณีต่อไปนี้:
ไม่สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้
การใช้บัตรเครดิตโดยขาดการจัดการการเงินที่ดีอาจส่งผลเสียมากมาย เช่น การใช้จ่ายที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจทำให้มียอดคงเหลือทางเครดิตในระยะยาว ส่งผลให้ผู้ถือบัตรต้องถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมปรับสำหรับการชำระยอดคงเหลือในบัตรเครดิตล่าช้า
มีสินเชื่อธนาคาร
โดยพื้นฐานแล้วสินเชื่อไม่มีหลักประกันและการรูดบัตรเครดิตมีความคล้ายคลึงกันมาก ความแตกต่างที่แท้จริงอยู่ที่อัตราดอกเบี้ยและขีดจำกัด โดยเฉพาะบัตรเครดิตจะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 45 - 55 วันนับจากวันที่ทำธุรกรรม หลังจากช่วงเวลาดังกล่าวธนาคารจะคิดดอกเบี้ย (26% - 33%) จากหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระก่อนหน้านี้
สำหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ลูกค้าจะต้องชำระหนี้และดอกเบี้ยเป็นรายเดือน หากชำระล่าช้าจะต้องเสียดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 20 ต่อปี
ยอดเงินคงเหลือในบัตรเครดิตที่ยังไม่ได้ชำระ
ลูกค้าจะต้องวางแผนชำระหนี้เก่าก่อนใช้บัตรเครดิต สิ่งนี้ช่วยลดภาระทางการเงินและจำกัดค่าปรับจากธนาคาร
ที่มา: https://vtcnews.vn/cach-quet-the-tin-dung-khi-thanh-toan-ar872854.html
การแสดงความคิดเห็น (0)