โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่ สิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า การเติบโตของการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลจะยิ่งทำให้ภูมิภาคนี้ไร้เสถียรภาพยิ่งขึ้น รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุเมื่อเดือนที่แล้วว่าการตั้งถิ่นฐานดังกล่าว “ไม่สอดคล้อง” กับกฎหมายระหว่างประเทศ หลังจากที่อิสราเอลประกาศแผนการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง
“ความรุนแรงของผู้ตั้งถิ่นฐานและการละเมิดที่เกี่ยวข้องกับการตั้งถิ่นฐานได้เพิ่มขึ้นในระดับที่น่าตกใจและมีความเสี่ยงที่จะทำลายความเป็นไปได้ที่เป็นจริงในการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์” เติร์กกล่าวในแถลงการณ์ที่แนบมากับรายงาน ซึ่งจะนำเสนอต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนในเจนีวาในช่วงปลายเดือนมีนาคม
มุมมองของการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในเมืองเคดาร์ในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2023 ภาพ: REUTERS
รายงาน 16 หน้า ซึ่งอ้างอิงจากการติดตามของ UN เองและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ระบุว่ามีหน่วยที่อยู่อาศัยใหม่ของชาวอิสราเอล 24,300 หน่วยในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองในปีที่สิ้นสุดเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดที่บันทึกไว้ตั้งแต่เริ่มการติดตามในปี พ.ศ. 2560
รายงานยังระบุด้วยว่า มีความรุนแรง ความร้ายแรง และความสม่ำเสมอของความรุนแรงระหว่างผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลและรัฐต่อชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อิสราเอลยึดครองเวสต์แบงก์ได้ในสงครามตะวันออกกลางปี 1967 กองทัพอิสราเอลระบุว่ากำลังดำเนินปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายในเวสต์แบงก์
สงครามกาซากระตุ้นให้ทุกฝ่ายผลักดันแนวทางแก้ไขสองรัฐต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงออสโลเมื่อต้นทศวรรษ 1990
แต่ตั้งแต่นั้นมา ความคืบหน้าในการสถาปนาเป็นรัฐปาเลสไตน์มีน้อยมาก โดยการขยายการตั้งถิ่นฐานเป็นหนึ่งในอุปสรรค
มาย อันห์ (ตามรายงานของรอยเตอร์)
แหล่งที่มา
การแสดงความคิดเห็น (0)